ทีมงานหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จ่ายเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อการนับคะแนนใหม่ใน 2 เขตเลือกตั้งของรัฐวิสคอนซิน หนึ่งในสวิงสเตทของการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐครั้งนี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ว่าทีมงานหาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จ่ายเงิน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 91.10 ล้านบาท ) ให้แก่คณะกรรมการการเลือกตั้งของเขตมิลวอกีและเขตเดน ในรัฐวิสคอนซิน ตามกฎหมายการเลือกตั้งของรัฐวอสคอนซิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการนับคะแนนใหม่ในทั้งสองเขต
อนึ่ง หากต้องการให้นับใหม่ทั้งรัฐวอสคอนซิน ทรัมป์ต้องจ่ายเงินทั้งสิ้น 7.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 239.78 ล้านบาท ) ทั้งนี้ กระบวนการนับคะแนนใหม่ของทั้งสองเขตจะเริ่มขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ย. นี้ และคาดว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า “หากมีความเปลี่ยนแปลง” เกิดขึ้นกับผลคะแนนจริง น่าจะเป็นเพียงหลักร้อย และไม่อาจมีผลกระทบต่อคะแนนในภาพรวม
สำหรับผลการนับอย่างไม่เป็นทางการของรัฐวิสคอนซิน ซึ่งเป็นหนึ่งในสวิงสเตทของการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้นายโจ ไบเดน ตัวแทนของพรรคเดโมแครต ได้รับคะแนนเสียง 1,630,619 คะแนน คิดเป็น 49.46% และทรัมป์ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน ได้รับคะแนนเสียง 1,610,073 คะแนน คิดเป็น 48.83% โดยไบเดนชนะทรัมป์ด้วยคะแนนส่วนต่าง 20,546 คะแนน คว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 เสียง
หากทรัมป์ต้องการรักษาตำแหน่งผู้นำสหรัฐให้ได้เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน ต้องอาศัยอำนาจศาลในการ “แก้ไข” หรือ “พลิกผล” การนับคะแนนให้ได้อย่างน้อย 3 รัฐ ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก โดยปัจจุบันจำนวนคณะผู้เลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการของไบเดนอยู่ที่ 306 เสียง เกินเกณฑ์ขั้นต่ำคืออย่างน้อย 270 จากทั้งหมด 538 เสียง ส่วนทรัมป์สะสมจำนวนคณะผู้เลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการไว้ที่อย่างน้อย 232 เสียง
ในเวลาเดียวกัน ทางการรัฐจอร์เจียกำลังรื้อผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีในทั้ง 159 เขต ซึ่งมีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนรวมกันประมาณ 5 ล้านคน ทั้งด้วยวิธีส่งบัตรล่วงหน้า และลงคะแนนในวันจริง โดยผลอย่างไม่เป็นทางการปรากฏว่าไบเดนเฉือนชนะทรัมป์ และคว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียงจากที่นี่ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี ที่ตัวแทนของพรรคเดโมแครตสามารถชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่รัฐจอร์เจีย