“หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร” Joy Of Life ซีรี่ส์จีนมาแรง เป็นการผสมหนังจีนโบราณ กับคอนเท้นต์จากยุคใหม่ๆ ได้ลงตัวในทุกๆ ด้าน เรื่องราวมที่เข้มข้น การหักมุมซ้ำแล้วซ้ำอีก พร้อมมุขตลกที่ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้ง จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก เป็นเรื่องที่ต้องดูจริงๆ
ชายปริศนาที่มีผ้าปิดตาอยู่ตลอดนาม “อูจู๋” ผู้ที่พูดเสมอว่าเขาเป็นคนไม่มีกำลังลมปราณ ไม่เคยฝึกยุทธ์ ไม่มีท่าไม้ตาย แต่เขาไม่เคยสู้แพ้ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ในยุทธ์ภพเลยสักคน (ในเรื่องคนเก่งสุดในสายอาชีจะเรียกว่า ”ขั้นปรมาจารย์” ปรมาจารย์ด้ายการต่อสู้มีด้วยกันถึง 4 คน อูจู๋ ไม่เคยแพ้ใครเลย แต่ก็เหมือนตัวละครลับที่คนในยุทธภพไม่ค่อยรู้จักกัน) อูจู๋ หอบตะกล้าใส่เด็กชายคนหนึ่งหนีการตามล่าของกองกำลังปริศนา 10 ปีผ่านไปเด็กน้อยเติบใหญ่ขึ้นมาในนาม “ฟ่านเสียน” เป็นลูกนอกสมรสของขุนนางระดับสูงตระกูล “ฟ่าน” ฟ่านเสียนเป็นคนที่ฉลาดเกินเด็ก เพราะช่วงกลางเรื่องจะมีการบอกว่า เขาไม่ได้ย้อนอดีตมานะ จริงๆ ฟ่านเสียน เคยอยู่ในโลกที่เจริญก้าวหน้าแบบในปัจจุบันเรามาก่อน แต่แล้วอารายธรรมมนุษย์ก็ล่มสลายลงเกิดเป็นยุคน้ำแข็ง และมนุษย์ก็ได้ย้อนวิวัฒนาการกลับมาใหม่อีกครั้ง จนมาถึงยุคจีนโบราณดังกล่าว ส่วนตัว ฟ่านเสียน เองนั้น ได้รับการปลูกถ่ายความทรงจำเก่าตอนยังมีชีวิตอยู่ในอดีตลงในตัวเด็กทารกที่เพิ่งเกิด ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้ แต่มันทำให้เขามีความรู้มากมายที่คนในยุคจีนโบราณไม่เคยมีมาก่อน
ด้วยความที่ ฟ่านเสียน เป็นคนที่ถือว่าฉลาดมากในยุคนั้น แถมยังเป็นลูกชายคนใหญ่คนโต เขาจึงต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุมากมายทั้งการเมืองภายในและภายนอก คนรอบตัวเขาเองก็ดูได้ยากว่าใครสามารถไว้ใจได้ใครไว้ใจไม่ได้ เพราะคนที่ไว้ใจได้จริงๆ มีแค่ ท่านอาอู่จู๋ ลูกน้องคนสนิทของแม่ผู้เป็นปริศนาของ ฟ่านเสียน ที่มักจะออกมาช่วย ฟ่านเสียในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือเสมอ แต่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ฟ่านเสียน กับพบว่า อู่จู๋ นั้นไม่เคยแก่ลงเลย แถมเรื่องที่ทุกคนคิดว่า อู่จู๋ ตาบอดนั้นบางครั้งเขาก็สามารถมองเห็น “สี” ได้อย่างประหลาด ข้อสงสัยมีมากมายขนาดนี้ ฟ่านเสียน ของเราจะเป็นยังไงต่อไป เรื่องราวจะสนุกหักมุมแค่ไหน ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่ควรพลาดจริงๆ ครับ
เก่นความสนุกของเรื่องนี้ก็คือ “การหักเหลี่ยมเฉือนคมกันของตัวละครในเรื่องราวต่างๆ” เรียกได้ว่าบรรดาตัวละครที่ดูฉลาดๆ นี่ว่างแผนใส่กันรัว หักมุมไปหักมุมมา ซ้อนแผนไปซ้อนแผนมาจนคนดูต้องทึ่งกันไปตามๆ กัน แถมเนื้อเรื่องยังสอดแทรกมุขตลกที่พอเหมาะพอดีมาเรื่อยๆ จนเรื่องนี้ดูแล้วไม่เครียดเลย จริงๆ ก็ดูจะหนักไปทางหนังตลกอยู่มากด้วยซ้ำ แต่คนดูก็ต้องยังได้ “ว้าว” กับการซ้อนแผนหรือ ทริกต่างๆ อยู่ตลอดเวลาจนอยากดูตอนต่อไปเรื่อยๆ บางแผนที่เรียกว่าวางเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ 1 ไปเฉลยอีกทีตอนเกือบจะจบจนต้องย้อนกลับไปดูตอนแรกซ้ำก็มี
ดนตรีประกอบเองก็ทำได้ดีมากจริงๆ ต้องเรียกว่าดีสุดๆ เลยแหละ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เน้นสู้กันมาก ไม่ได้มีการยิงแสงกันฟิ๊วฟ้าว แต่เวลาที่บรรดาเหล่ายอดฝีมือสู้กันก็ถือว่ามันส์ไม่น้อย ที่เป็นแบบนั้นได้ส่วนหนึ่งก็เพราะดนตรีประกอบ ตอนที่จะสู้กันล้างผลาญดนตรีที่ใช้ก็จะเร่งเร้าและตื่นเต้นมาก ถ้าจะสู้กันขำๆ ก็จะมีดนตรีสนุกๆ ขึ้นมาจนเรารับรู้ได้ว่านี้ไม่ได้เอาเป็นเอาตายกันแน่นอนแค่หยอกๆ หรือจะปล่อยมุขอะไรก็ว่าไป ตอนที่สืบคดีหรือวางแผนดนตรีก็จะออกตื่นเต้น และเครียดหน่อยๆ พอคนดูได้อรรถรสทางการฟังนี้เข้าไปด้วยการดูก็ยิ่งลื่นไหลมาก จนอยากดูต่อไปเรื่อยๆ