นายฟรานซิสโก ซากัสติ อดีตเจ้าหน้าที่ยูเอ็นและเวิลด์แบงก์ ได้รับการแต่งตั้งจากสภาคองเกรสของเปรู ให้ทำหน้าที่รักษาการผู้นำประเทศ โดยเป็นประมุขแห่งรัฐคนที่ 3 ภายในระยะเวลายังไม่ถึง 1 สัปดาห์เต็ม ท่ามกลางวิกฤติซึ่งต้องการความเชื่อมั่นและความสมานฉันท์จากทุกฝ่าย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ว่าสภาคองเกรสของเปรูมีมติเสียงข้างมากในการประชุมเมื่อวันจันทร์ 97 ต่อ 26 เสียง แต่งตั้งนายฟรานซิสโก ซากัสติ วัย 76 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคโมราโด ที่มีจุดยืนทางการเมืองสายกลาง ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี โดยซากัสติจะอยู่ในวาระถึงวันที่ 31 ก.ค. 2564 คือครบวาระของอดีตประธานาธิบดีมาร์ติน วิซการ์รา ซึ่งถูกถอดถอนเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา และในระหว่างนี้ต้องจัดการเลือกตั่งทั่วไปตามกำหนด คือในวันที่ 11 เม.ย. ที่จะถึงนี้ด้วย
ทั้งนี้ ซากัสติถือเป็นผู้นำประเทศคนที่ 3 ภายในระยะเวลาเพียง 7 วันของเปรู นับตั้งแต่วิซการ์รา ตามด้วยนายมานูเอล เมอริโน ประธานสภาคองเกรสในเวลานั้น ซึ่งรับตำแหน่งต่อจากวิซการ์ราตามลำดับการสืบทอดอำนาจในรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม การที่วิซการ์รายังคงได้รับความนิยมอย่างมากจากประชาชน ด้วยนโยบายปฏิรูปประเทศตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างมากในหลายด้าน ส่งผลให้เกิดการประท้วงขับไล่รัฐบาลรักษาการ และการที่เมอริโนสั่งให้ใช้กำลังตำรวจปราบจลาจลควบคุมสถานการณ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน ยิ่งทำให้เกิดเสียงประณามว่า เป็นการใช้มาตรการเกินกว่าเหตุ กดดันจนเมอริโนลาออก เมื่อวันอาทิตย์ และอัยการสูงสุดดำเนินการสอบสวนอดีตผู้นำในเรื่องนี้แล้ว
ขณะที่บรรดานักลงทุนมองว่า การแต่งตั้งซากัสติซึ่งเคยทำงานให้กับหน่วยงานหลายแห่งในสังกัดสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และธนาคารโลก ( เวิลด์แบงก์ ) น่าจะช่วยเรียกคืนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจากทั้งในและต่างประเทศ ให้กลับคืนสู่เปรู ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกทองแดงรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกได้ไม่มากก็น้อย แต่รายงานของซิตี้แบงก์ยังคาดการณ์บรรยากาศแปรปรวนทางการเมืองจะยังคงปกคลุมเปรู “ไปอีกระยะหนึ่ง” เนื่องจากยังความเป็นไปได้ ที่วิซการ์ราอาจหวนกลับคืนสู่เส้นทางการเมือง