แม้นายไมค์ ปอมเปโอ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นรมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐคนแรก ซึ่งเดินทางไปยังที่ราบสูงโกลัน แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเรียกเสียงประณามอย่างหนักจากซีเรีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ว่ากระทรวงการต่างประเทศของซีเรียออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับการที่นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ เดินทางไปยัง “พื้นที่ถูกยึดครองโดยอิสราเอล” บนที่ราบสูงโกลัน ถือเป็น “พฤติการณ์ยั่วยุส่งท้าย” ก่อนที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะหมดวาระ และยังเป็นเจตนาอันโจ่งแจ้ง ในการละเมิดอธิปไตยของรัฐบาลดามัสกัส
ทั้งนี้ ก่อนสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นเจ้าหน้าที่การทูตสุงสุดคนแรกของสหรัฐ ซึ่งเดินทางไปยังที่ราบสูงโกลัน ปอมเปโอพบหารือกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ที่กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเนทันยาฮูขอบคุณรัฐบาลทรัมป์ ที่รับรองสถานะของกรุงเยรูซาเลมเป็น “เมืองหลวงอย่างเป็นทางการ” ของอิสราเอล เมื่อปลายปี 2560 และในอีกไม่กี่เดือนต่อมา สหรัฐยังเป็นประเทศแรกในโลกซึ่งย้ายสถานเอกอัครราชทูตจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม
ขณะที่ในเดือนมี.ค. 2562 ทรัมป์ยังประกาศยอมรับ “อธิปไตยทั้งหมด” บนที่ราบสูงโกลัน ให้เป็นของอิสราเอล “เพียงผู้เดียว” เรียกเสียงประณามอย่างหนักจากโลกอาหรับตั้งแต่ตอนนั้น อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮูยืนกรานว่า อิสราเอลสมควรเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนทั้งหมดบนที่ราบสูงโกลัน ในฐานะเป็นผู้ชนะสงครามหกวัน เมื่อปี 2510 แต่อิสราเอลยึดพื้นที่ไป 1,200 ตารางกิโลเมตร เหลือให้ซีเรียเพียง 600 ตารางกิโลเมตร
อนึ่ง มติหมายเลข 242 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) เมื่อเดือนพ.ย. 2510 อ้างอิงตามกฎบัตรมาตรา 6 ของยูเอ็น ระบุให้ที่ราบสูงโกลัน “เป็นพื้นที่สันติ” ภายใต้การดูแลของกองกำลังรักษาสันติภาพยูเอ็น และห้ามการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแห่งนี้ เพื่อไม่ให้สั่นคลอนต่อสันติภาพในภูมิภาค
นอกจากที่ราบสูงโกลันแล้ว ในวันเดียวกันปอมเปโอยังเดินทางไปยังไร่องุ่นในเขตเวสต์แบงก์ ใกล้กับนครเยรูซาเลม ถือเป็นรมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐคนแรก ซึ่งปรากฏตัวในพื้นที่ของเขตเวสต์แบงก์ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล