ดูซีรีส์เกาหลี Start-Up ซีรี่ย์ออนไลน์ Netflix

ซีรีส์เกาหลี Start-Up (Netflix) ภายนอกซีรีส์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกว่าเป็นแนวธุรกิจเต็มตัว แต่กลับพบว่าจริงๆ นี่เป็นซีรีส์แนวดราม่าที่หนักหน่วงกันตั้งแต่ EP แรกเลย เพราะเรื่องราวเริ่มต้นที่นางเอก “ซอดัลมี” (รับบทโดย Bae Suzy นางเอก Vagabond)

ต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ตั้งแต่เด็ก ระหว่างการต้องเลือกพ่อหรือแม่ที่ต้องการหย่าร้างกัน และนำไปสู่จุดเริ่มต้นของความแค้นในตัวเธอที่มีต่อพี่สาวที่เลือกเดินคนละด้านระหว่างความฝันในอนาคตหรือความร่ำรวยที่อยู่ตรงหน้า จนกลายเป็นทางแยกของชีวิตทั้งคู่ที่ไม่อาจจะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกครั้ง

ดูซีรี่ส์เกาหลี Start-Up ซีรี่ย์ Netflix

ในอีกด้านหนึ่ง “ฮันจีพยอง” (รับบทโดย Kim Sun-Ho ) หนุ่มน้อยจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ถูกส่งออกมาเผชิญโลกภายนอกในช่วงวัยเด็ก ได้มาพบกับยายของ “ซอดัลมี” และได้รับความช่วยเหลือโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน ทั้งคู่ร่วมกันสร้างตัวละครสมมุติ “นัมโดซาน” (Nam Joo-Hyuk พระเอกจากเรื่อง The School Nurse Files ที่พึ่งฉายใน Netflix) ที่หยิบยืมมาจากชื่อเด็กในข่าวรับรางวัลเหรียญทองโอลิมปิคคณิตศาสตร์ เพื่อมาเป็นเพื่อนปลอบใจเธอกับความปวดร้าวในวัยเด็ก กลายเป็นว่าเธอโตขึ้นมาโดยหลงรักยึดมั่นในตัวนัมโดซานที่เธอไม่เคยเจอกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากจดหมายที่เขียนหากันปีเดียว และกำลังออกตามหานัมโดซานในชีวิตจริงเพื่อขอให้มาช่วยเหลือเธออีกครั้ง

ตัวเรื่องแม้จะวางตัวเป็นแนวโรแมนติกชัดเจน แต่ด้านวงการเทคสตาร์ทอัพก็มีรายละเอียดเชิงลึกที่แสดงให้เห็นเลยว่าคนเขียนบททำการบ้านมาดี เพราะชื่อตอนทุกตอนเป็นลำดับกระบวนการในวงการสตาร์ทอัพจริงๆ รวมถึงไอเดียต่างๆ ในเรื่องก็เป็นอะไรที่จับต้องได้ และยังเน้นเรื่องการระดมทุนยังไงให้สำเร็จ โดยมีเรื่องราวของบริษัทที่เป็นกลุ่มทุนในฝันของสตาร์ทอัพหน้าใหม่ในเรื่องที่ชื่อ Sandbox มาเป็นเมนหลักในเรื่องการแข่งขันก่อตั้งบริษัทจาก 0 ที่ตัวละครในเรื่องทุกคนเข้ามาเกี่ยวข้องและแข่งขันกันไปสู่จุดหมาย โดยที่ Sandbox เองก็มีเบื้องหลังความสัมพันธ์ที่สะเทือนใจกับพ่อของนางเอกในตอนแรก ทำให้เรื่องราวของเทคสตาร์ทอัพมีดราม่าลึกซึ้งกินใจผสมเข้าไปอยู่ด้วย

อย่างที่กล่าวมาข้างต้น แม้เรื่องราวความสัมพันธ์และดราม่าต่างๆ ใน Start-Up อาจจะดูดราม่าสูตรสำเร็จเพื่อให้บิ้วตัวละครกันตั้งแต่แรก กับความสัมพันธ์ของนางเอกกับพี่สาวที่แยกทางกันไปก่อนจะกลายมาเป็นศัตรูกัน รวมถึงเรื่องราวความรักผิดฝาผิดตัวกับพระเอกสองคน แต่เรื่องกลับไม่เดินไปเป็นเส้นตรงอย่างที่วางไว้ เหมือนคนเขียนบทจงใจให้คนดูหลงคิดว่าจะเป็นไปตามสูตร แต่กลับเลือกเส้นทางใหม่ให้ทั้งสองเรื่องในตอนต่อมาแบบหักลำทันที ซึ่งถือว่าว้าวมากกับการที่รีเซ็ทปมดราม่าทั้งสองเรื่องขึ้นมาในแนวทางใหม่ อีกทั้งยังทำให้บทของพี่สาวนางเอกมีความลึกขึ้นมาทันที อาจจะดูเป็นตัวร้ายในตอนแรก แต่ต่อมากลับมีเรื่องราวที่น่าเห็นใจ ไม่แพ้ปมดราม่าของนางเอกที่ตกเป็นเบี้ยล่างในตอนแรกได้เลยเหมือนกัน

ปกติโดยทั่วไปพระเอกซีรีส์เกาหลีต้องเน้นหล่อเนี๊ยบ เก่ง มีความมั่นใจในตัวเอง แต่เรื่องนี้นัมโดซาน (ตัวจริง) กลับเป็นอะไรที่ตรงข้ามเรื่องเหล่านี้เลย (ยกเว้นแค่เรื่องหล่อ) โดยถอดเอาบุคลิกพวกนักพัฒนาเบื้องหลังเทคจริงๆ มาใส่ไว้ ซึ่งก็คือ หนุ่มสายเนิร์ดที่ไม่เคยมีแฟน พูดคุยกับผู้หญิงไม่เป็น ขาดทักษะการเข้าสังคม แม้แต่ในครอบครัวเองก็มีปัญหาการสื่อสาร รวมถึงการที่ชอบคิดอะไรเป็นโลจิกทางวิทยาศาสตร์กับคอมพิวเตอร์ไปหมด ไม่เข้าใจการเปรียบเทียบในเชิงปรัชญาหรือควมเชื่อต่างๆ ทุกอย่างต้องถอดออกมาเป็นสมการจับต้องได้เท่านั้น ซึ่งทำให้บุคลิกพระเอกกลายเป็นเปิ่นๆ ขำๆ เมื่อต้องมามีความรักหรือการเข้าสังคมในการเริ่มต้นสตาร์ทอัพในเรี่อง อีกทั้งยังดูน่าสงสารไปด้วยเมื่อเขากลายเป็นคนที่มีความสามารถ มีฝันในทางธุรกิจ แต่กลับไม่มีความสามารถในการบริหารเรื่องเหล่านี้ได้ จนน้อยเนื้อต่ำใจในความสามารถของตัวเองที่มีขีดจำกัด ซึ่งตัวเรื่องทำมาจากความจริงที่ว่านักพัฒนาเบื้องหลังทั้งหลาย แม้มีไอเดียกับความสามารถประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ แต่กลับขาดสกิลในด้านการบริหาร การตลาด โมเดลธุรกิจ จนถ้าอยากสำเร็จได้ก็ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนสายบริหารมาอุดช่องโหว่นี้

เนื้อเรื่องวางปมการโกหกของโดซานกับจีพยองไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องโกหกที่ถลำลึกขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออดีตที่ดัลมีประทับใจคือจีพยอง แต่โดซานตัวจริงคือปัจจุบันที่ออกรับหน้าที่นี้แทน ซึ่งคนเขียนบทเก่งมากที่วางจังหวะดราม่าจากเรื่องโกหกแค่ผ่านๆ ในตอนแรกให้กลายเป็นดราม่าที่อึดอัดทุกครั้งที่โดซานต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ความหลังของดัลมีคือจีพยองไม่ใช่เขา แล้วก็ต้องทนโกหกกับสร้างเรื่องโกหกต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้อยู่ดัลมีต่อไป

ในขณะที่จีพยองที่ถูกวางเป็นพระรองก็ถูกทำให้อึดอัดตลอดเวลาที่ต้องโกหกดัลมี รวมถึงโกหกใจตัวเองด้วยเริ่มรู้สึกชอบดัลมีขึ้นมาเรื่อยๆ รวมถึงเห็นใจในความลำบากที่เธอต้องเจอมาตลอด ซึ่งคนดูคงรู้สึกอึดอัดในแบบเดียวกันเวลาถึงฉากที่ทั้งสองคนนี้ต้องโกหกกับดัลมีเสมอ ต้องยอมรับเลยนี่เป็นทั้งปมลุ้นและจุดดึงดูดที่สุดของเรื่องเลยก็ว่าได้ ว่าเรื่องราวจะคลี่คลายออกมาได้ยังไงให้ดีที่สุด โดยไม่ทำร้ายจิตใจตัวละครทั้งคู่ซึ่งคนดูตามเชียร์เยอะพอกันแน่นอน

Related posts