ทรัมป์สั่งลดทหารอเมริกันในอัฟกานิสถาน-อิรัก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งให้กองทัพสหรัฐลดจำนวนทหารในอัฟกานิสถาน 1,500 นาย และ 500 นาย ในอิรัก ภายในกลางเดือนม.ค. ปีหน้า

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ว่านายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ รักษาการรมว.กระทรวงกลาโหมของสหรัฐ แถลงเมื่อวันอังคาร เรื่องการลดจำนวนทหารอเมริกาในอัฟกานิสถาน จากปัจจุบัน “มากกว่า 4,500 นาย” ให้เหลือ “ประมาณ 2,500 นาย” และลดการประจำการกำลังพลของสหรัฐในอิรัก จากปัจจุบัน “ประมาณ 3,000 นาย” ให้เหลือ “ประมาณ 2,500 นาย” โดยการลดจำนวนทหารในทั้งสองประเทศต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ม.ค. ปีหน้า หรือ 5 วันก่อนถึงกำหนดการสาบานตนรับตำแหน่งของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ
 
ทั้งนี้ มิลเลอร์ยืนยันว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ด้านนโยบายกลาโหมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการทำให้สงครามในอัฟกานิสถานและอิรัก “ได้ข้อสรุปที่ประสบความสำเร็จและรับผิดชอบ” ด้วยการนำทหารของสหรัฐกลับบ้าน ขณะเดียวกัน มิลเลอร์กล่าวอีกว่า อเมริกา “บรรลุเป้าหมาย” ที่ตั้งไว้เพื่อการยกทัพเข้าไปในอัฟกานิสถาน เพียงไม่กี่วันหลังผ่านพ้นเหตุวินาศกรรม 911 เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544

อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์ยังปฏิเสธให้ความเห็นต่อรายงานซึ่งออกมาในเวลาเดียวกัน ว่าทรัมป์อาจถอนทหารอเมริกัน “เกือบทั้งหมด” ออกจากโซมาเลีย โดยจำนวนปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 700 นาย แม้ภารกิจทางทหารของสหรัฐในโซมาเลียแทบไม่ได้รับความสนใจเป็นกว้าง เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แต่สำหรับกระทรวงกลาโหมสหรัฐแล้ว โซมาเลียคือ “ฐานที่มั่น” ทางทหารในทวีปแอฟริกา เพื่อจัดการกับกลุ่มอัล-ชาบับและเครือข่าย
 
อนึ่ง ก่อนการส่งทหารกลับเข้ามาในโซมาเลีย เมื่อกลางปี 2560 สหรัฐเคยถอนทหารทั้งหมดออกไปแล้ว เมื่อปี 2537 ซึ่งเป็นผลจากการสู้รบใน “ยุทธการโมกาดิชู” เมื่อเดือนต.ค. 2536  เพื่อจับกุมนายพลโมฮัมเหม็ด ฟาราห์ ไอดิด ผู้นำกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาล แม้ภารกิจประสบความสำเร็จแต่ยุติอย่างนองเลือด โดยกองทัพสหรัฐสูญเสียกำลังพล 18 นาย และทหารได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 70 นาย เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการดัดแปลงให้กลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง “แบล็ค ฮอว์ค ดาวน์” ที่ออกฉายเมื่อปี 2544

Related posts