รัฐบาลฝรั่งเศสกำหนดให้ประชาชน “ต้องทำงานจากที่บ้าน” ยกเว้นเฉพาะมีกิจจำเป็นอย่างยิ่งยวดเท่านั้น หนึ่งในข้อปฏิบัติสำคัญตลอดช่วงล็อกดาวน์ครั้งที่สอง เพื่อบรรเทาความรุนแรงของวิกฤติโรคระบาดโควิด-19
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ว่านายกรัฐมนตรีฌ็อง กัสเต็กซ์ แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของฝรั่งเศส เมื่อวันพฤหัสบดี ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อบังคับ และแนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนในช่วงล็อกดาวน์ครั้งที่สอง ครอบคลุมระยะเวลาระหว่างวันที่ 30 ต.ค. ถึงวันที่ 1 ธ.ค. นี้ “เป็นอย่างน้อย” เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใพักผ่อนหย่อนใจนอกบ้านได้วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง ภายในรัศมีไกลที่สุด 1 กิโลเมตรจากเคหสถาน ขณะที่การทำกิจธุระ “ที่จำเป็น” ตลอดช่วงเวลาล็อกดาวน์ คือการไปซื้อสินค้าจำเป็นเพื่อการอุปโภคและบริโภค การไปพบแพทย์ และการทำงานซึ่งไม่สามารถทำจากที่บ้านได้เท่านั้น โดยประชาชนต้องพกเอกสารยืนยันติดตัว ทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน มิเช่นนั้นอาจต้องชำระค่าปรับครั้งละ 135 ยูโร ( ราว 4,919.23 บาท )
ด้านโรงเรียนและมหาวิทยาลัยยังสามารถจัดการเรียนการสอนแบบปกติได้ แต่ผู้เรียนที่อายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หลังก่อนหน้านั้นรัฐบาลกำหนดเกณฑ์อายุขั้นต่ำสำหรับกรณีนี้ไว้ที่ 11 ปี ขณะที่สภาพแวดล้อมในสถานศึกษาต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านสาธารณสุขของรัฐบาล
อนึ่ง หน่วยงานทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นของภาครัฐหรือเอกชน ต้องให้ลูกจ้างทำงานจากที่บ้าน “ยกเว้นกรณีจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น” ที่จะสามารถเดินทางมายังสำนักงานได้ โดยรัฐบาลเตรียมงบประมาณฉุกเฉินไว้ 15,000 ยูโร ( ราว 546,585.31 ล้านบาท ) เพื่อเยียวยาทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะ “กิจการไม่จำเป็น” ซึ่งต้องหยุดให้บริการอย่างน้อย 2 สัปดาห์
สำหรับสถิติเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ของฝรั่งเศสในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุดนั้น ยืนยันผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 1,282,769 คน เพิ่มขึ้น 47,637 คน รักษาหายแล้ว115,287 คน เพิ่มขึ้น 1,310 คน และสถิติสะสมของผู้เสียชีวิตมีจำนวนอย่างน้อย 36,020 คน เพิ่มขึ้น 235 คน