อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับนายโจ ไบเดน เป็นครั้งแรกที่รัฐเพนซิลเวเนีย ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งผู้นำสหรัฐครั้งใหม่ 3 พ.ย. นี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่าอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขึ้นเวทีปราศรัยแบบไดรฟ์-อิน ให้กับนายโจ ไบเดน ตัวแทนผู้สมัครของพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการของอดีตผู้นำสหรัฐให้กับแคมเปญหาเสียงของไบเดน ซึ่งร่วมงานกับโอบามายาวนาน 8 ปี ในฐานะรองประธานาธิบดีต่อเนื่อง 2 สมัย
ทั้งนี้ โอบามากล่าวในตอนหนึ่ง ว่าโรคระบาดโควิด-19 เป็นภาวะวิกฤติด้านสาธารณสุขที่เกินความคาดหมาย และเป็นงานหนักสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบันคือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พิสูจน์ให้ทุกฝ่ายได้ประจักษ์แล้วว่า “ไม่เคยทำอะไรเพื่อใครนอกจากตัวเอง”
ขณะเดียวกัน อดีตผู้นำสหรัฐกล่าวว่า เขาไม่คาดหวังว่าทรัมป์จะสานต่อหรือนำนโยบายใดของเขาไปประยุกต์ใช้ แต่ในส่วนลึกเขาหวังว่า ผู้นำสหรัฐ “จะมีความจริงจังมากกว่านี้” สถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ “เป็นความจริง ไม่ใช่รายการเรียลลิตี” การนั่งเล่นทวิตเตอร์อยู่หน้าจอโทรทัศน์ไม่ช่วยอะไร ดังนั้นชาวอเมริกันจึงไม่ควรอยู่แบบนี้ต่ออีก 4 ปี
อย่างไรก็ตาม โอบามาทิ้งท้ายว่า แม้ผลสำรวจความคิดเห็นจากทุกสำนักเป็นไปในทางเดียวกัน ว่าไบเดนมีคะแนนนิยมเหนือทรัมป์ โดยในบางรัฐมีคะแนนทิ้งห่างเป็นเลขสองหลัก แต่ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตจะชะล่าใจไม่ได้อย่างเด็ดขาด สื่อเป็นนัยถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ที่นางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนของพรรคเดโมแครตในตอนนั้น มีคะแนนนิยมทิ้งห่างทรัมป์ในทุกโพล และทุกรัฐในกลุ่มแบตเทิลกราวด์ แต่ท้ายที่สุดแล้วทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ
ในเวลาเดียวกัน รายงานของ “ดิ อิเล็กชัน โปรเจกต์” รายงานว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐใช้สิทธิ์ล่วงหน้าแล้วมากกว่า 42 ล้านคน คิดเป็นมากกว่า 30% ของผู้ลงคะแนนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 จึงมีความเป็นไปได้สูง ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งจะลงคะแนนในวันที่ 3 พ.ย. จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์มากเป็นประวัติการณ์