ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเรียกร้องการปฏิรูปโครงสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศให้เป็นพหุภาคีมากขึ้น เพราะโลก “มีมากกว่า” การที่ทุกประเทศปล่อยให้ตัวเอง “อยู่ภายใต้อิทธิพล” ของสหรัฐและจีน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ว่าสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) เผยแพร่คลิปบันทึกการกล่าวถ้อยแถลงของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องในวาระการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 75 มีใจความตอนหนึ่งว่า วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังประสบอยู่นั้น “คือสัญญาณเตือน” สำหรับยูเอ็นและทุกประเทศ ให้เพิ่มความร่วมมือซึ่งกันและกัน
จึงเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใด โลกจึงจำเป็นต้องมีองค์กรระหว่างประเทศคอยเป็นผู้ประสานงาน เพื่อให้ความร่วมมือระหว่างประเทศดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น ซึ่งในส่วนของวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) แม้บางประเทศยังคงกล่าวหาหน่วยงานแห่งนี้ในหลายประเด็นก็ตาม
ขณะเดียวกัน ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวว่าโครงสร้างของยูเอ็นในภาพรวม โดยเฉพาะคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเสื่อมอำนาจมากขึ้นทุกที ไม่เพียงแต่เฉพาะไม่อาจรับมือกับวิกฤติโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ “สมาชิกถาวร 2 ประเทศวางตัวเป็นปรปักษ์ต่อกันอย่างชัดเจน”
ทั้งนี้ มาครงกล่าวว่า ผู้นำโลกไม่ควรปล่อยให้ตัวเอง “ถูกครอบงำ” และอยู่ภายใต้อิทธิพลจากการขับเคี่ยวระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นสถานภาพที่ “น่าสลดใจ”เพราะทุกประเทศต่างมีศักยภาพของตัวเอง ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวถึง “การพัฒนา” เพื่อสร้างสรรค์ “โลกาภิวัตน์ใหม่” และการวางรากฐานระเบียบโลกเพื่อความเป็นพหุภาคีด้วย