ไอร์แลนด์เป็นสมาชิกอียูประเทศแรก ซึ่งต้องกลับเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดระลอกสองของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ว่านายกรัฐมนตรีไมเคิล มาร์ติน ผู้นำไอร์แลนด์ แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อคืนวันจันทร์ ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกระดับการเตือนภัยด้านสาธารณสุข อันเนื่องมาจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นสู่ระดับ 5 ซึ่งเป็นขั้นสูงสุด เป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันพฤหัสบดีที่ 22 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ( 06.00 น. วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย )
ทั้งนี้ ร้านอาหาร ผับ บาร์ และร้านทำผม ตลอดจน “สถานประกอบการที่ไม่จำเป็น” ต้องปิดให้บริการจนถึงวันที่ 1 ธ.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม สถานที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มยังสามารถให้บริการขายกลับบ้าน และจัดส่งตามบ้านได้ ประชาชนสามารถเดินได้ไกลไม่เกินรัศมี 5 กิโลเมตรจากเคหสถาน การจัดงานแต่งงานยังสามารถทำได้ แต่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุดไม่เกิน 25 คน จนถึงสิ้นปีนี้ “เป็นอย่างน้อย”
ขณะที่การให้บริการของระบบขนส่งสาธารณะให้รับผู้โดยสารไม่เกิน 1 ใน 4 ของความจุปกติ บริษัทเอกชนขอให้จัดสรรภาระงาน และเวลาทำงานให้พนักงานสามารถดำเนินการจากที่บ้านให้ได้มากที่สุด “หากมีความจำเป็นยิ่งยวด” ต้องมีเอกสารแสดงต่อเจ้าพนักงาน ส่วนบุคลากรของ “หน่วยงานที่จำเป็น” สามารถออกมาทำงานได้ตามปกติ แต่ต้องมีเอกสารยืนยันเช่นกัน ส่วนโรงเรียนทุกแห่งยังคงเปิดการเรียนการสอนได้ต่อไป
ผู้นำไอร์แลนด์ยืนยันมีมาตรการเยียวยาธุรกิจทุกแห่งที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่สองต่อจากเมื่อช่วงเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา แต่ในระหว่างนี้หากมีการฝ่าฝืน “ต้องชำระค่าปรับ” และหากสถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ รัฐบาลจะลดระดับการเตือนภัยลงมาอยู่ที่ระดับ 3 หลังวันที่ 1 ธ.ค.นี้