เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ออกมติสำคัญที่อาจเปลี่ยนวิธีการใช้เงินช่วยเหลือของประชาชนไปตลอดกาล: โครงการคนละครึ่งพลัส ทั้งหมดกว่า 900,000 ร้านค้า จะถูกเชื่อมต่อกับระบบ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อย่างเป็นทางการ นี่ไม่ใช่แค่การปรับระบบ — มันคือการรวมพลังเงินอุดหนุนสองทางให้กลายเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์ใช้จ่ายได้มากขึ้น ร้านค้าเล็กๆ ขายได้มากขึ้น และเศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัวอย่างแท้จริง
ร้านค้าคนละครึ่งพลัส ใช้บัตรสวัสดิการได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมักบ่นว่า "ร้านใกล้บ้านไม่มีให้ใช้" หรือ "ต้องเดินไกลมาก" ขณะที่ร้านค้าในโครงการคนละครึ่งพลัสกลับมีจำนวนมหาศาล แต่ไม่สามารถรับบัตรสวัสดิการได้ นี่คือช่องว่างที่ครม.เศรษฐกิจตัดสินใจปิดให้หมด ตอนนี้ ร้านที่ร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส — ไม่ว่าจะเป็นร้านข้าวแกงในตรอก ร้านของชำในหมู่บ้าน หรือร้านกาแฟเล็กๆ ในชุมชน — จะสามารถรับชำระด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ทันที ไม่ต้องมีระบบแยกต่างหาก
"มันไม่ใช่แค่การเชื่อมระบบ แต่คือการยุบกำแพงระหว่างผู้ช่วยเหลือสองกลุ่ม" นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังการประชุม พร้อมยืนยันว่า โครงการคนละครึ่งพลัสเฟสแรกที่เริ่มใช้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 สร้างเงินสะพัดแล้ว 54,000 ล้านบาท — เพิ่มจาก 33,000 ล้านบาทที่รายงานก่อนหน้าเพียง 25 วัน
เฟส 2 เตรียมชง ครม. ต้นเดือนธันวาคม
แต่สิ่งที่ประชาชนรอคอยมากที่สุดคือ "เฟส 2" ของคนละครึ่งพลัส ซึ่งจะแจกเงินช่วยเหลือ 4,000 บาท ให้กับผู้ที่ลงทะเบียนไม่ทันในเฟสแรก หรือผู้ที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิ์ใดๆ จากโครงการนี้มาก่อน
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า "มั่นใจว่าทันแน่นอน" แม้จะมีกระแสการยุบสภาในเดือนธันวาคมนี้ รัฐบาลจะเสนอโครงการนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก่อนการยุบสภาอย่างแน่นอน วงเงินยังอยู่ระหว่างการคำนวณ โดยต้องคำนึงถึงงบประมาณช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคเหนือและอีสานด้วย
คาดว่าผู้ที่ผ่านการคัดกรองจะสามารถเริ่มใช้เงินได้ภายในเดือนมกราคม 2569 โดยกระบวนการลงทะเบียนจะใกล้เคียงกับเฟสแรก ไม่ซับซ้อน และจะใช้แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" เป็นช่องทางหลัก
คนละครึ่งพลัสเฟส 1.5: ฝึกทักษะ ได้เงินเพิ่ม
แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือ "เฟส 1.5" — โครงการเสริมทักษะสำหรับพ่อค้าแม่ค้าในระบบคนละครึ่งพลัส
ร้านค้าที่เข้าร่วมหลักสูตร "upskill-reskill" ด้านการใช้ AI ในการจัดการสต็อก การขายออนไลน์ หรือการบริการลูกค้า จะได้รับเงินเพิ่ม 20% ของยอดขายที่รัฐอุดหนุน สะสมสูงสุด 2,000 บาท ซึ่งจะจ่ายให้ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568
"เราไม่ได้แค่แจกเงิน เราต้องการให้เขาเติบโต" นายสิริพงศ์กล่าว พร้อมยกตัวอย่างร้านข้าวแกงในจังหวัดอุบลราชธานีที่เริ่มใช้แอปวิเคราะห์ยอดขายรายวัน ทำให้ลดของเสียลง 30% และเพิ่มรายได้เฉลี่ย 1,500 บาทต่อเดือน
รัฐบาลตอบโต้ฝ่ายค้าน: "ไปถามประชาชนส่วนใหญ่"
แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านว่า "โครงการผิดพลาด" และ "เป็นการใช้งบประมาณไม่เหมาะสม" แต่รัฐบาลยืนยันถึงผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงคำวิจารณ์จากทั้งสองคนที่โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า "ไปถามประชาชนส่วนใหญ่" อย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำว่า "ก็พยายาม" ที่จะให้โครงการนี้ทันก่อนยุบสภา
ข้อมูลจากกระทรวงการคลังชี้ว่า ผู้ใช้โครงการคนละครึ่งพลัสกว่า 85% ให้คะแนนความพึงพอใจในระดับ 4-5 จาก 5 คะแนน ขณะที่ร้านค้ากว่า 72% รายงานว่ายอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อะไรจะเกิดต่อไป?
ในเดือนธันวาคมนี้ รัฐบาลจะประกาศรายละเอียดสุดท้ายของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ซึ่งจะมีการปรับเกณฑ์การคัดกรองผู้มีสิทธิ์ให้ครอบคลุมกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์มาก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำลังร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเพื่อพัฒนา "AI ช่วยร้านค้า" แบบฟรีสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะช่วยแนะนำสินค้าที่ควรจัดวาง วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และแม้แต่แจ้งเตือนเมื่อสต็อกใกล้หมด
นี่คือการเปลี่ยนจาก "โครงการแจกเงิน" เป็น "โครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก" ที่ยั่งยืน
Frequently Asked Questions
คนละครึ่งพลัสเฟส 2 จะลงทะเบียนได้เมื่อไหร่ และต้องมีคุณสมบัติอย่างไร?
การลงทะเบียนเฟส 2 คาดว่าจะเปิดในเดือนธันวาคม 2568 หลังจาก ครม. อนุมัติแล้ว ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์คนละครึ่งพลัสหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาก่อนจะมีสิทธิ์ รวมถึงผู้ที่ลงทะเบียนเฟสแรกแต่ไม่ผ่านการคัดกรอง ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน และเป็นผู้มีบัตรประชาชนไทยเท่านั้น
ร้านค้าเล็กๆ จะได้ประโยชน์อะไรจากการเชื่อมกับบัตรสวัสดิการ?
ร้านค้าที่เคยมีลูกค้าแค่กลุ่มคนละครึ่งพลัส ตอนนี้จะได้ลูกค้าจากบัตรสวัสดิการอีกกว่า 14 ล้านราย ซึ่งหมายถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30-50% ต่อเดือน โดยไม่ต้องลงทุนระบบใหม่ เพราะระบบชำระเงินจะทำงานผ่านแอปเดียวกัน ไม่ต้องติดเครื่องรับบัตรแยก
เงิน 2,000 บาทจากเฟส 1.5 ได้ยังไง และต้องทำอะไรบ้าง?
พ่อค้าแม่ค้าต้องเข้าร่วมหลักสูตรฝึกทักษะดิจิทัลผ่านแอป "เป๋าตัง" หรือเว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง ระยะเวลาเรียนไม่เกิน 3 ชั่วโมง แล้วทำแบบทดสอบผ่าน หลังจากนั้นจะได้รับเงินเพิ่ม 20% ของยอดขายที่รัฐอุดหนุน สะสมสูงสุด 2,000 บาท จ่ายในวันที่ 25 ธันวาคม 2568
โครงการนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือ?
ใช่ เพราะมันเชื่อมคนที่มีเงินช่วยเหลือกับคนที่ขายของ ไม่ใช่แค่ให้เงินแล้วจบ แต่สร้างตลาดให้คนจนสามารถทำงานและสร้างรายได้ ตัวเลข 54,000 ล้านบาทที่สะพัดไปแล้ว ถูกใช้จ่ายในร้านค้าชุมชน 95% ซึ่งเป็นการกระจายรายได้แบบตรงจุด ไม่ผ่านคนกลาง
ถ้ายุบสภาแล้วโครงการจะยังเดินต่อไหม?
ใช่ เพราะการเชื่อมระบบคนละครึ่งพลัสกับบัตรสวัสดิการเป็นการปรับปรุงระบบการจ่ายเงิน ไม่ใช่การใช้งบประมาณใหม่ จึงไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภา ขณะที่เฟส 2 ที่ต้องใช้งบประมาณจะถูกเสนอและอนุมัติใน ครม. ก่อนยุบสภาอย่างแน่นอน ตามคำยืนยันของโฆษกรัฐบาล
จะมีการขยายโครงการนี้ไปยังพื้นที่อื่นๆ อย่างไร?
รัฐบาลกำลังวางแผนขยายร้านค้าที่เข้าร่วมไปยังพื้นที่ห่างไกล เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน นราธิวาส และสตูล โดยร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดตั้ง "จุดบริการดิจิทัลชุมชน" ที่ช่วยสอนการใช้งานแอปและเชื่อมร้านค้าท้องถิ่นเข้ากับระบบ โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุม 100% ของตำบลใน 12 เดือน